ปฏิบัติ ถูก หรือ ผิด
วิธีพิจารณาว่าปฏิบัติถูกหรือผิดแนวทาง อย่างง่ายๆ
![]()
ปฏิบัติแล้ว
จิตเก่ง จิตกล้า มีมานะ ทิฏฐิ อันมักเกิดจากการปฏิบัติสมถสมาธิแต่ฝ่ายเดียว
![]()
ปฏิบัติ(สมถวิปัสสนา)แล้ว
แล้วเกิดนิพพิทา
อันเกิดจากการโยนิโสมนสิการหรือการเจริญวิปัสสนา
![]()
![]()
ปฏิบัติสมถสมาธิแล้ว
อยู่แต่ในความอิ่มเอิบ สุข สบาย ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าในขณะปฏิบัติหรือในขณะดำเนินชีวิตประจำวัน
![]()
ปฏิบัติสมถสมาธิแล้ว
อยู่แต่ในความสงบ แช่นิ่งอยู่ภายใน ไม่ว่าในขณะปฏิบัติหรือในขณะดำเนินชีวิตประจำวัน
![]()
ปฏิบัติสมถสมาธิแล้ว
เกิดความอิ่มเอิบ สุข สงบ สบาย แล้วดำเนินการโยนิโสมนสิการหรือเจริญวิปัสสนา(สมถะ+วิปัสสนา)
![]()
![]()
ปฏิบัติเพื่อหวังทางอิทธิฤทธิ
ปาฏิหาริย์
![]()
ปฏิบัติเพื่อหวังดับอุปาทานทุกข์
![]()
![]()
ปฏิบัติเพื่อหวังผลทางโลกๆ
![]()
ปฏิบัติเพื่อหวังการดับไปแห่งทุกข์
![]()
![]()
ปฏิบัติดับทุกข์ธรรมชาติหรือทุกขเวทนา
![]()
ปฏิบัติเพื่อดับกิเลส
ตัณหา อุปาทาน หรืออุปาทานทุกข์ ![]()
![]()
เห็นหรือระลึกรู้เท่าทันทุกขเวทนา
แล้วอุเบกขา
![]()
เห็นทุกขเวทนา
แล้วไม่อยากให้เกิด แล้วคิดปรุงแต่ง
![]()
ปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดทุกขเวทนา
![]()
ปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดทุกข์อุปาทาน
![]()
![]()
ปฏิบัติโดย
จิตส่งใน
เพื่อไปเสพรสในฌาน สมาธิ จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามที
![]()
ปฏิบัติโดย
จิตมีสติระลึกรู้เท่าทัน หรือมีสติพิจารณาอยู่ใน กาย เวทนา จิต ธรรม(สติปัฏฐาน๔)
![]()
![]()
ปฏิบัติแล้ว
เมื่ออยู่ในการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว เผลอจมแช่อยู่ในความสงบสบายภายใน
![]()
ปฏิบัติแล้ว
เมื่ออยู่ในการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว จิตเบิกบาน ว่องไว
![]()
![]()
ปฏิบัติแล้ว
เห็นว่าทุกข์อุปาทานที่เผาลนน้อยลงไปเป็นลำดับ ![]()
ปฏิบัติแล้ว
แต่หวังอยากได้ผลทางโลก หรือหวังแต่มรรคผลนิพพาน ![]()
![]()
ผู้รู้
ก็คือ สติ ![]()
ผู้รู้
คือ ของวิเศษ ![]()
![]()
ปฏิบัติแล้ว
มีสติหรือผู้รู้เกิดขึ้น แล้วไปยึดถือ หรือไปอุปโลกว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นองค์
![]()
มีสติหรือผู้รู้เกิดขึ้น
แล้วปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น (อุเบกขา
หรือ หยุดคิดปรุงแต่ง หรือ ไม่ฟุ้งซ่าน)
![]()
![]()
ศรัทธาเป็นสิ่งที่ดี
แต่ต้องไม่งมงาย ประกอบด้วยปัญญา
![]()
ศรัทธาอย่างงมงาย
ขาดเหตุผล ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นวิปัสสนูปกิเลส(อธิโมกข์)
![]()
![]()
นิมิตที่เห็น
เห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นไม่จริง จึงอาจผิดหรือถูกก็ได้
![]()
นิมิตที่เห็น
แล้วไปยึดว่าจริง ยึดว่าถูกต้อง ยึดว่าเป็นฤทธิ์เป็นเดช
![]()
![]()
จิต
เกิดแต่เหตุปัจจัย ไม่มีตัวไม่มีตน มีสภาพเหมือนดังเงา ที่เกิดดับ..เกิดดับ
ในผู้ที่มีชีวิต ![]()
จิตมีตัวมีตน
มีรูปให้เห็น ![]()
![]()
เห็นว่าจิตนั้นเป็นตัวตนหรือมีตัวตน เป็นรูป
เป็นโอภาส
![]()
เห็นว่าจิต
นั้นเกิดแต่เหตุอันคือขันธ์ ๕และสิ่งที่ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัยกันจึงเกิดขึ้น จึงมีสภาพเกิดๆดับๆ
คล้ายดั่งเงา ![]()
![]()
อสังขตธรรมหรือธรรมหรือธรรมชาติหรือสภาวธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง
อสังขตธรรมทั้งปวงคงทนอยู่ไม่ได้ ![]()
อสังขตธรรมธรรมทั้งปวงเที่ยง
อสังขตธรรมทั้งปวงคงทนอยู่ได้ทุกกาล
![]()
สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
สังขารทั้งปวงคงทนอยู่ไม่ได้
![]()
![]()
นับถือพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา
โดยปฏิบัติตามธรรมคำสอนของพระองค์
![]()
นับถือพระพุทธเจ้าแบบเป็นพระเจ้า
ไว้อ้อนวอนบนบานอธิษฐาน จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี ![]()
![]()
เห็นเข้าใจว่า
จิตนั้นเป็นตัวตน หรือเป็นของตัวของตน ![]()
เห็นเข้าใจว่า
กายนั้นเป็นตัวตน หรือเป็นของตัวของตน ![]()
มีความเห็นเข้าใจว่า ทั้งกายและจิตล้วนไม่เป็นตัวตนแท้จริง ล้วนเกิดมาแต่เหตุปัจจัย
มาประชุมกันชั่วระยะหนึ่ง
จึงไม่เที่ยง คงทนอยู่ไม่ได้ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนอย่างเป็นแก่นแกนแท้จริง
![]()
![]()
การตามลมหายใจอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความชำนาญเคยชินแต่อย่างเดียว เป็นการปฏิบัติวิปัสสนา ![]()
การตามลมหายใจอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความชำนาญเคยชินแต่อย่างเดียว เป็นการปฏิบัติสมถะสมาธิ
![]()
การตามลมหายใจอย่างมีสติหรือพิจารณา
เป็นทั้งการฝึกสติและวิปัสสนา
![]()
![]()
การปฏิบัติไม่ว่าจะโดยวิธีการใดๆก็ตาม เช่น ตามลมหายใจ การบริกรรม
-หรือการกำหนดการเคลื่อนไหวในส่วนต่างๆของร่างกายเป็นอารมณ์
เป็นสมถสมาธิแต่อย่างเดียว
![]()
แล้วไปจดจ่อเสพรส ความสุข ความสงบ ความสบายแต่ฝ่ายเดียว ไม่ดำเนินการวิปัสสนา
-เมื่อชำนาญขึ้น
ก็จักยังให้โทษ เป็นมิจฉาสมาธิ
![]()
![]()
ปฏิบัติแล้ว
ไปยึดมั่นถือมั่นในฌานสมาธิ หรือนิมิต ![]()
ปฏิบัติแล้ว
ไม่ยึดมั่นถือมั่นกล่าวคือไม่ติดเพลิน ไม่ยึดถือในฌานสมาธิและนิมิต
![]()
|
|
|