สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับสมาธิ และนิมิต อีกทั้งภวังค์ ที่เกิดขึ้นจาก"ฌาน, สมาธิ"

จากหนังสือ เทสก์รังสีอนุสรณาลัย เรื่อง "สิ้นโลก เหลือธรรม" โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

          บางอาจารย์เมื่อนิมิตเกิดขึ้นมาแล้ว  สอนให้ถือเอานิมิตนั้น  เป็นขั้นเป็นชั้นของมรรคทั้ง ๔ มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น  เช่น  นิมิตเห็นแสงเล็กเท่าแสงหิ่งห้อย ได้สำเร็จชั้นพระโสดาบัน,  เห็นนิมิตแสงใหญ่ขึ้นมาหน่อยเท่าแสงดาว ได้สำเร็จชั้นพระสกทาคามี,  เห็นนิมิตแสงใหญ่ขึ้นมาเท่าแสงพระจันทร์ ได้สำเร็จชั้นพระอนาคามี,  เห็นนิมิตแสงใหญ่ขึ้นมาเท่าแสงพระอาทิตย์  ได้สำเร็จชั้นพระอรหันต์อย่างนี้เป็นต้น.

         ไปถือเอาแสงภายนอก(อันเป็นเพียงแค่โอภาสหรือนิมิต - Webmaster) ไม่ถือเอาใจของคนที่บริสุทธิ์มากน้อยเป็นเกณฑ์   ความเห็นเช่นนั้น  ยังห่างไกลจากความเป็นจริงนัก...........นิมิตเกิดจากภวังค์เป็นส่วนมาก  ภวังค์เป็นอุปสรรคของมรรคโดยเฉพาะอยู่แล้ว  มันจะเป็นมรรคได้อย่างไร........(หน้า๑๕-๑๖)

(webmaster - เหตุที่ภวังค์เป็นอุปสรรคของมรรค ก็เนื่องจากในภวังค์นั้น ไม่สามารถใช้สติได้อย่างบริบูรณ์ กล่าวคือสติเริ่มขาดเนื่องด้วยหยุดการรับรู้จากทวารทั้ง ๖ ไปอยู่ในภวังคจิตนั่นเอง)

          แท้ที่จริงนิมิตทั้งหลาย  ดังที่อธิบายมาแล้วก็ดี  หรือนอกไปกว่านั้นก็ดี   ถึงไม่ใช่เป็นทางให้ถึงความบริสุทธิ์ก็จริงแล  แต่ผู้ปฏิบัติทั้งหลายจะต้องได้ผ่านทุกๆคน  เพราะการปฏิบัติเข้าถึงจิตรวมเข้าถึงภวังค์แล้วจะต้องมี(ดังที่ได้กล่าวไว้แต่ข้างต้นแล้วว่า เหมือนดังกำมือและแบมือต่างก็ล้วนเป็นเพียงกริยาของมือนั่นเอง - webmaster)   เมื่อผู้มีวาสนาเคยได้กระทำมาเมื่อก่อน  เมื่อเกิดนิมิตแล้ว จะพ้นจากนิมิตนั้นหรือไม่ ก็แล้วแต่สติปัญญาของตน  หรืออาจารย์ผู้นั้นจะแก้ไขให้ถูกหรือไม่  เพราะของพรรค์นี้ต้องมีครูบาอาจารย์เป็นผู้แนะนำ  ถ้าหาไม่แล้วก็ต้องจมอยู่ปรัก คือนิมิต นานแสนนาน เช่น อาฬารดาบส แล อุททกดาบส เป็นตัวอย่าง........(หน้า๑๗)

 

 

กลับหน้าเดิม

กลับสารบัญ

 

 

Google


ทั่วโลก  ค้นหาเฉพาะใน"ปฏิจจสมุปบาท"