วิปัสสนาสมาธิ
" คัมภีร์บางแห่งกล่าวถึง วิปัสสนาสมาธิ เพิ่มเข้ามาอีกอย่างหนึ่ง แทรกอยู่ระหว่างขณิกสมาธิ กับ อุปจารสมาธิ พึงทราบว่า วิปัสสนาสมาธิ นั้นก็ คือ ขณิกสมาธิที่นำไปใช้ในการเจริญวิปัสสนานั่นเอง และมีความประณีตขึ้นไปเพราะการปฏิบัติ....... " (พุทธธรรม หน้า ๘๒๘)
webmaster - กล่าวคือ แบ่งสมาธิเพิ่มจาก ๓ เป็น ๔ ระดับ อันมี ๑.ขณิกสมาธิ ๒.วิปัสสนาสมาธิ ๓.อุปจารสมาธิ ๔.อัปปนาสมาธิ
วิปัสสนาสมาธิ ความจริงก็คือขณิกสมาธิที่เกิดขึ้นแล้วนำไปใช้ในการวิปัสสนาคือการพิจารณาหรือการเจริญปัญญา
วิปัสสนาสมาธิ จึงหมายถึง การปฏิบัติโดยใช้สมาธิระดับขณิกสมาธิไปในการพิจารณาธรรมหรือเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เกิดปัญญานั่นเอง กล่าวคือเมื่อเป็นขณิกสมาธิแล้ว ใช้การคิดพิจารณาในธรรมนั้นๆเป็นอารมณ์ หรือเป็นองค์วิตกโดยตรงเลยนั่นเอง(แทนคำบริกรรม หรือลมหายใจ ฯลฯ.) เมื่อดำเนินไปได้อย่างแนบแน่นในธรรม ในบางครั้งหรือบางขณะก็เกิดความประณีตเลื่อนไหลไปสู่สมาธิในระดับละเอียดประณีตขึ้นไปได้เองเป็นลำดับอีกด้วย จึงเจริญสมาบัติระดับประณีตได้ในที่สุดเองอีกด้วย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมิจฉาฌานหรือมิจฉาสมาธิชนิดไปติดเพลินเพื่อเสพรสหรือนันทิในองค์ฌานหรือความสงบในสมาธิอันยังให้เกิดวิปัสสนูปกิเลสอีกด้วย อันมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มุ่งหวังในสมาธิหรือฌานสมาบัติระดับประณีตก่อน โดยขาดการวิปัสสนา จึงก่อปัญหาอย่างมากมาย ดังเช่น การติดสุข, วิปัสสนาสมาธิจึงเป็นสมถวิปัสสนาอันดีงามยิ่ง เหมาะกับทุกเพศ(ภิกษุุ,ฆราวาส,ชาย,หญิง) ทุกฐานะ ฯ.
ขณิกสมาธิ สมาธิชั่วขณะ เป็นสมาธิขั้นต้น ซึ่งคนทั่วไปอาจใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่การงานในชีวิตประจำวัน และการปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี และใช้เป็นจุดตั้งต้นในการเจริญวิปัสสนาได้ดี คืออาการที่จิตค่อนข้างแน่วแน่ในสิ่งที่กำหนดคืออารมณ์ ได้ดีพอสมควร คือเป็นระยะยาวๆ โดยไม่งุ่นง่านหงุดหงิด กล่าวคือด้วยอาการสบายใจ อาจมีการซัดส่ายสอดแส่ออกไปภายนอกบ้างเป็นครั้งคราวตามการผัสสะ แต่ไม่เตลิดเปิดเปิงหรือเลื่อนไหลไป กล่าวคือมีสติระลึกรู้กลับมาอยู่กับอารมณ์ หรือกิจ หรืองานได้ดี หรือธรรมที่พิจารณานั้นๆได้ด