|
|
ขยายความ สติปัฏฐาน ๔
เป็นพระอภิธรรม บทภาชนีย์ (บทที่ตั้งไว้เพื่อขยายความ, บทที่ต้องอธิบายที่ขยายความ) ในการปฏิบัติในแนวทางสติปัฏฐาน ๔ กล่าวคือแสดงระดับฌานสมาธิที่ใช้ในการเจิญสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเห็นว่าน่าจักมีประโยชน์แก่นักปฏิบัติ ในเรื่องการใช้ฌานสมาธิระดับใดที่ใช้ในการเจริญสติหรือปฏิบัติวิปัสสนา ซึ่งท่านกล่าวไว้ชัดเจนดีแล้ว กล่าวคือ ท่านแสดงว่าการปฏิบัติฌาน แม้ระดับปฐมฌานยังเป็นการปฏิบัติแบบทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า) ดังนั้นจึงควรใช้สมาธิก็คือสมาธิในระดับขณิกสมาธิหรือก็คือวิปัสสนาสมาธินั่นเอง เพราะทั้งฌานหรือสมาธิที่ละเอียดประณีตกว่านี้นั้น สติเริ่มขาดลอยไม่สามารถใช้ในการวิปัสสนาได้ดีจึงเป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า) ดังที่กล่าวรายละเอียดและเหตุผลไว้แล้วในบท ฌานสมาธิ การปฏิบัติหรือเน้นใช้ฌานสมาธิแต่ในระดับประณีต หรือมัวแต่ทำฌานสมาธิระดับประณีต โดยขาดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า แท้จริงแล้วเป็นเพียงเครื่องอยู่ให้สบาย และเพื่อเป็นกำลังของจิตเพื่อนำไปใช้ในการเจริญปัญญาหรือวิปัสสนา รังแต่ทำให้การปฏิบัติสมถสมาธิเหล่านั้นกลับกลายเป็นมิจฉาฌานสมาธิอันให้โทษ อีกทั้งเป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา, และยังกล่าวแสดงสติปัฏฐาน ๔ อันควรปฏิบัติ
อีกทั้งมีพระดำรัสตรัสยืนยันใน สีลเลขสูตร ว่าสมถสมาธิแม้ในขั้นประณีตทั้งหลาย เป็นเพียงเครื่องอยู่ให้เป็นสุขในพระวินัยเท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องขัดเกลากิเลสแต่อย่างใด
และยังมีกล่าวไว้ในเรื่องสมาธิภาวนาในสมาธิสูตรอีกด้วยว่ามี ๔ ประเภท และสมาธิภาวนาประเภทที่ ๓ คือ คือเป็นสมาธิเพื่อสติสัมปชัญญะ เป็นสมาธิเพื่อการปฏิบัติในสติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง
---------------------
๑. ภิกษุในศาสนานี้ พิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่
๒. พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่
๓. พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่
๔. พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่
[เห็นกายในกาย]
[๔๕๙] ก็ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลกให้ เข้าสู่นิพพาน
เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า)
(จึงควร)พิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ในสมัยใด สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก
สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ ความไม่เลื่อนลอย ความไม่ลืม
สติ สตินทรีย์ สติพละ สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด นี้เรียกว่าสติปัฏฐาน ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เรียกว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยสติปัฏฐาน
[เห็นเวทนาในเวทนา]
ก็ภิกษุ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก ให้เข้าสู่นิพพาน
เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า จึงควรปฏิบัติดังนี้)
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่ในสมัยใด สติ ความตามระลึก ฯลฯ
สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ อัน เป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด นี้เรียกว่าสติปัฏฐาน ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เรียกว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยสติปัฏฐาน
[เห็นจิตในจิต]
ก็ภิกษุ พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก ให้เข้าสู่นิพพาน
เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจาก- อกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า)
พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ในสมัยใด สติ ความตามระลึก ฯลฯ
สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์ แห่งมรรค นับเนื๋องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด นี้เรียกว่าสติปัฏฐาน ธรรม ทั้งหลายที่เหลือ เรียกว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยสติปัฏฐาน
[เห็นธรรมในธรรม]
ก็ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก ให้เข้าสู่นิพพาน
เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า)
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ในสมัยใด สติ ความตามระลึก ฯลฯ
สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ อันเป็น องค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด นี้เรียกว่า สติปัฏฐาน ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เรียกว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยสติปัฏฐาน
ในธรรมเหล่านั้น สติปัฏฐาน เป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก ให้เข้าสู่นิพพาน
เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
(ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า)
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ในสมัยใด สติ ความตามระลึก ฯลฯ
สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ อัน เป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค
ในสมัยนั้น อันใด นี้เรียกว่าสติปัฏฐาน ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เรียกว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยสติปัฏฐาน
---------------------
ปัญหาปุจฉกะ
๑. ภิกษุในศาสนานี้ พิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้ในโลก
๒. พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้ในโลก
๓. พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้ในโลก
๔. พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้ในโลก